ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า ระบบอัตโนมัติ และเทคโนโลยีอัจฉริยะ ญี่ปุ่นยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำสำคัญที่ผลักดันวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ด้วยฐานความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมที่สั่งสมมายาวนาน ระบบซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เซลล์เชื้อเพลิง ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติและเทคโนโลยีไร้คนขับหรือกระบวนการผลิตอัจฉริยะ ล้วนหล่อหลอมมาตรฐานใหม่ของประสิทธิภาพและความปลอดภัยได้อย่างยอดเยี่ยม
ในโอกาสนี้ MEGA Tech ขอเชิญทุกท่านร่วมรับฟังวิสัยทัศน์จากผู้ผลิตเครื่องจักร เครื่องมือวัด และเครื่องมือตัดเฉือนชั้นนำของญี่ปุ่น เพื่อเจาะลึกทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์และโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมดังนี้
Mr. Isao Ogasawara – President of JTEKT Machinery (Thailand) Co., Ltd.


Mr. Shunji Uchida – Managing Director of Mitutoyo (Thailand) Co., Ltd.


Mr. Kamihito (Jin) Kakegawa – Managing Director of Sumitomo Electric Hardmetal (Thailand) Ltd.


Mr. Hiromiki Goto – Director – Sales Division of Sodick (Thailand) Co., Ltd.



“After-sales Excellence” Ensuring Lasting Performance with Trusted Japanese Quality
Mr. Isao Ogasawara
President of JTEKT Machinery (Thailand) Co., Ltd.

นวัตกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น: ก้าวนำโลกสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยีแห่งความยั่งยืน
ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ของนวัตกรรมภายใต้แนวคิด CASE (Connected, Autonomous, Shared, Electric) ซึ่งสะท้อนทิศทางสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ในด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ผลิตชั้นนำเร่งพัฒนาเทคโนโลยีตาม Multi-Pathway Strategy มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและพลังงานสะอาด โดยนำเสนอทางเลือกหลากหลาย ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ไฮบริด (HEV) ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) จนถึงรถพลังงานไฮโดรเจน (FCEV) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการตลาดและระดับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในแต่ละประเทศ
จุดแข็งของผู้ผลิตญี่ปุ่นอยู่ที่ความเชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ประหยัดพลังงานและการเป็นผู้นำเทคโนโลยีไฮบริด แม้แบตเตอรี่จะพัฒนาไปมาก จนลดความกังวลเรื่องระยะทางและความสะดวกในการชาร์จ แต่ความท้าทายสำคัญยังคงอยู่ที่โครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จไฟฟ้าที่ยังไม่เพียงพอในหลายประเทศ และรถไฮบริดก็ได้รับการประเมินคุณค่าใหม่ในฐานะทางเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น เมื่อปัจจัยทางการเมืองระดับโลก เช่นการขยายตัวของลัทธิกีดกันทางการค้า ทำให้การกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียวจึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้น
เมื่อเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติพัฒนาเต็มรูปแบบ รถยนต์ไฟฟ้าจะกลายเป็นกำลังหลักของระบบขนส่งมวลชน รถโดยสารประจำทาง และบริการรถร่วมเดินทาง ช่วยลดต้นทุนและเปลี่ยนโฉมหน้าการคมนาคมของโลกอย่างยั่งยืน
JTEKT G3 SERIES: นวัตกรรมเครื่องเจียรความแม่นยำสูง ยกระดับประสิทธิภาพการผลิตสู่อนาคตยานยนต์ไฟฟ้า

ผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลกมุ่งพัฒนาชิ้นส่วนด้วยเทคโนโลยีการผลิตยุคใหม่ โดยมุ่งเน้นการใช้วัสดุและโครงสร้างขั้นสูง เพื่อให้สามารถผลิตชิ้นส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รองรับการผลิตจำนวนน้อยแต่หลากหลายรุ่น พร้อมตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม JTEKT พร้อมก้าวเคียงข้างลูกค้าในทุกกระบวนการผลิต ด้วยเครื่องเจียรความแม่นยำสูงและแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ที่มีความแข็งแกร่งสูงเพื่อมอบคุณภาพ ความเที่ยงตรง และประสิทธิภาพในการผลิตสูงสุด
ด้วยจุดแข็งของเครื่องเจียร JTEKT ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในการผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์และเพลามอเตอร์ เราเชื่อมั่นว่าจะมีบทบาทสำคัญในการขยายส่วนแบ่งตลาดยานยนต์ประเภท HEV และ BEV ในอนาคตอันใกล้ นวัตกรรมล่าสุดคือ G3 SERIES เครื่องเจียร CNC ทรงกระบอกรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับการเจียรชิ้นงานขนาดเล็กและการผลิตแบบ Mass Production โดยมียอดการส่งมอบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคอาเซียน หัวใจสำคัญของเครื่องรุ่นนี้คือระบบ STAT BEARING ในชุดเพลาหิน (Wheel Spindle) ซึ่งเป็นคุณลักษณะเฉพาะของ JTEKT ผสานหลักการทำงานของแรงดันไฮโดรสแตติกและไฮโดรไดนามิกเข้าด้วยกัน ทำให้เครื่องมีความแม่นยำสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน และให้ความเสถียรในการทำงานอย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ หัวจับแบบ dual center ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับระบบ load ชิ้นงานอัตโนมัติ รวมทั้งหุ่นยนต์ได้ ช่วยยกระดับการผลิตแบบอัตโนมัติให้มีประสิทธฺภาพยิ่งขึ้น และช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างยอดเยี่ยม

JTEKT ยกระดับการบริการ Overhaul มาตรฐานญี่ปุ่น ยืดอายุและคืนประสิทธิภาพเครื่องจักรลูกค้าในอาเซียน
เครื่องจักรถือเป็นสินทรัพย์สำคัญของโรงงาน ที่มีอายุการใช้งานยาวนานและต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความแม่นยำ ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าการลงทุนในระยะยาว การสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าจึงไม่อาจอาศัยเพียงคุณภาพของเครื่องจักรในวันที่ส่งมอบเท่านั้น แต่ต้องมี กลยุทธ์บริการหลังการขายที่มั่นคง และยั่งยืนควบคู่กันไป ด้วยแนวคิดนี้ JTEKT ได้พัฒนา “ระบบบริการหลังการขายแบบครบวงจร (Total Support Service)” เพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้าในทุกช่วงอายุการใช้งานของเครื่องจักร ตั้งแต่การติดตั้ง การตรวจสอบ การซ่อมบำรุง ไปจนถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในระยะยาว

ในภูมิภาคอาเซียน ลูกค้าจำนวนมากยังคงใช้เครื่องจักรรุ่นเก่าที่มีความทนทานและยังมีบทบาทสำคัญในสายการผลิต เพื่อให้เครื่องจักรเหล่านี้ยังคงทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ JTEKT จึงได้จัดตั้งศูนย์บริการ Overhaul ในประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงและปรับสภาพเครื่องจักรให้กลับมามีสมรรถนะสูงสุด โดยยึดมาตรฐานเดียวกับโรงงานแม่ในประเทศญี่ปุ่น กระบวนการ Overhaul ครอบคลุมตั้งแต่การถอดประกอบ ตรวจสอบ ทำความสะอาด ขัดเงา เปลี่ยนอะไหล่ทั้งระบบเครื่องกลและไฟฟ้า ไปจนถึงการทดสอบการทำงานจริง เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องจักรที่ผ่านการปรับสภาพกลับมามีประสิทธิภาพเทียบเท่าเครื่องใหม่
นอกจากบริการ Overhaul แล้ว JTEKT ยังให้บริการซ่อมบำรุง (Maintenance Service) สำหรับเครื่องจักรแมชชีนทูล ทั้งของ JTEKT และแบรนด์อื่นๆ เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มได้รับบริการที่มีคุณภาพ ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของ JTEKT ซึ่งผ่านการอบรมตามมาตรฐานญี่ปุ่นพร้อมให้บริการตรวจวิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ลดเวลาหยุดการผลิต (Downtime) ให้สั้นที่สุด ด้วยความเชี่ยวชาญและมาตรฐานการบริการระดับโลก JTEKT มุ่งมั่นเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของภาคอุตสาหกรรม ช่วยให้ลูกค้าดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง มีเสถียรภาพ และคงประสิทธิภาพของเครื่องจักรให้สูงสุดเสมอ การดูแลเครื่องจักรอย่างครบวงจร ไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังสะท้อนความตั้งใจของ JTEKT ที่จะเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าอย่างยั่งยืนในทุกก้าวของการพัฒนาอุตสาหกรรม



“Beyond Measurement” Mitutoyo Ensures Precision and Reliability with World-Class After-Sales Support
Mr. Shunji Uchida
Managing Director of Mitutoyo (Thailand) Co., Ltd.

นวัตกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น: ก้าวนำโลกสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยีแห่งความยั่งยืน
ในอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจะเป็นทิศทางหลัก โดยรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายให้ยอดขายรถยนต์ใหม่ภายในปี 2035 เป็น “รถยนต์ไฟฟ้า 100%” ส่งผลให้ผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น โตโยต้า ฮอนด้า และนิสสัน เร่งพัฒนาเทคโนโลยี BEV (Battery Electric Vehicle) และ FCV (Fuel Cell Vehicle) อย่างจริงจัง
BEV เป็นยานยนต์ที่ไม่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และเมื่อใช้พลังงานหมุนเวียนร่วมด้วย สามารถบรรลุ “Zero Emission” อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม โครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จไฟนอกเมืองและความมั่นคงของพลังงานไฟฟ้ายังจำกัด จึงยังคงใช้ HEV (Hybrid Electric Vehicle) และ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ในการเดินทางระยะใกล้เป็นหลัก
BEV จะมีศักยภาพสูงสุดในระยะยาว แต่ยังต้องแก้ปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากวัตถุดิบและการรีไซเคิลแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน สำหรับการพัฒนาแบตเตอรี่สถานะของแข็ง (All-Solid-State Battery) คาดว่าจะใช้งานได้ในปี 2027 จะช่วยเพิ่มระยะทาง ลดเวลาในการชาร์จ และยืดอายุการใช้งาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนยังเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากหลายประเทศยังพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานนิวเคลียร์ BEV จึงไม่ใช่เพียงยานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพลังงาน อุตสาหกรรม และสังคม ในทศวรรษหน้านวัตกรรมเทคโนโลยี นโยบายสนับสนุน และความยืดหยุ่นของตลาด จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดความสำเร็จ ดังนั้น BEV จะเริ่มเป็นก้าวสำคัญสู่ “สังคมการเดินทางที่ยั่งยืน (Sustainable Mobility Society)” อย่างแท้จริง
MiSTAR 555 เทคโนโลยีการวัดแม่นยำสูง สำหรับการผลิต EV ที่รวดเร็ว ยืดหยุ่น และมั่นใจในคุณภาพทุกชิ้นงาน

ชิ้นส่วนสำคัญของ EV เช่น เคสแบตเตอรี่ ชิ้นส่วนมอเตอร์ และอินเวอร์เตอร์ จำเป็นต้องมีความแม่นยำสูง MiSTAR 555 ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นี้ สามารถวัดชิ้นงานทันทีหลังการผลิตโดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปยังห้องวัด พร้อมฟังก์ชันชดเชยอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ ทำให้วัดชิ้นงานที่ร้อนจากกระบวนการผลิตได้อย่างแม่นยำ
ด้วยความเร็วและความสามารถในการเคลื่อนที่สูง เครื่องสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องจักรและหุ่นยนต์ได้ง่าย รองรับการผลิตแบบอัตโนมัติและโมดูลาร์ MiSTAR 555 ยังสามารถทำงานได้ในช่วงอุณหภูมิ 10–40℃ และติดตั้งในพื้นที่จำกัดโดยไม่ต้องใช้ลมอัด ลดค่าใช้จ่ายและความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานได้เป็นอย่างดี
ด้านสิ่งแวดล้อม เครื่องออกแบบเพื่อประหยัดพลังงาน ลดการใช้ไฟฟ้าและบำรุงรักษาง่าย ติดตั้ง ABSOLUTE Scale แบบทนสภาพแวดล้อม จึงสามารถวัดชิ้นงานในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำมันและเศษชิ้นงานได้โดยไม่สูญเสียความแม่นยำ พร้อมฟังก์ชันตรวจสอบสถานะและบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เพิ่มอัตราการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่า
ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจาก MiSTAR 555 คือความมั่นใจในความแม่นยำและการติดตามชิ้นงาน (Traceability) ในการผลิตที่มีความคลาดเคลื่อนสูง พร้อมสร้างระบบประกันคุณภาพที่ตอบสนองมาตรฐานต่าง ๆ ลดข้อบกพร่อง และรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่มีความผันผวนได้ดี
มุ่งเน้นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนให้กับลูกค้า
เครื่องมือวัดความละเอียดสูงคือหัวใจสำคัญของการควบคุมคุณภาพในอุตสาหกรรมการผลิต ความแม่นยำที่ผิดพลาดอาจนำไปสู่สินค้าชำรุด การส่งมอบล่าช้า และลดความเชื่อมั่นของลูกค้า Mitutoyo จึงให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษา ตรวจสอบ และซ่อมแซมอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาสมรรถนะและความแม่นยำ พร้อมสนับสนุนระบบประกันคุณภาพของลูกค้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ด้วยเครือข่ายสาขาในกว่า 30 ประเทศ Mitutoyo สร้างระบบบริการที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานของแต่ละประเทศ ทำให้ลูกค้าเข้าถึงบริการระดับเดียวกันทั่วโลก การให้บริการต่อเนื่องหลังการขายช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และสนับสนุนการผลิตอย่างมั่นคง ทำให้ลูกค้ารักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์
Mitutoyo ยังนำเสนอสัญญาบริการรูปแบบใหม่ที่ช่วยตรวจสอบสถานะและการทำงานของเครื่องมือวัดของลูกค้า ทำให้สามารถตรวจพบปัญหาและดำเนินการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน ลดระยะเวลาหยุดชะงักของสายการผลิตและป้องกันสินค้าชำรุด
บริการหลังการขายของ Mitutoyo จึงไม่ใช่เพียงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ แต่เป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมสร้างคุณภาพ ความสามารถในการแข่งขัน และความยั่งยืนให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจในตลาดโลกได้อย่างมั่นใจ





“Advancing Sustainability” Through Proactive Premium after-sales Support
Mr. Hiromiki Goto
Director – Sales Division of Sodick (Thailand) Co., Ltd.

นวัตกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น: ก้าวนำโลกสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยีแห่งความยั่งยืน
ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา รถยนต์ไฮบริด (HEV) ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ต้องเผชิญกับตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV), HEV, รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV), เชื้อเพลิงชีวภาพ หรือ รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน ซึ่งแต่ละทางเลือกมีความเหมาะสมแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับภูมิภาค ลักษณะการใช้งาน และสภาพแวดล้อม
เทคโนโลยีแบตเตอรี่ก็ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้าน ความเร็วในการชาร์จ ระยะทางวิ่ง และอายุการใช้งาน แต่กระบวนการผลิตและกำจัดแบตเตอรี่ยังคงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น ผู้ผลิตรถยนต์จึงจำเป็นต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการและบริบทของแต่ละตลาด
สำหรับ ซัพพลายเออร์ยานยนต์ สถานการณ์ปัจจุบันถือเป็นทั้งความท้าทายและโอกาส ตัวอย่างเช่น ในประเทศไทย ผู้ผลิต EV บางรายนำเข้าชิ้นส่วนเกือบทั้งหมดและเพียงประกอบในประเทศ ซึ่งจำกัดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในประเทศ แต่หาก เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE), HEV, หรือ รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซัพพลายเออร์ไทยก็จะมีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลไทย จึงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางที่เหมาะสมที่สุด เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานในประเทศ พร้อมทั้งร่วมมือกับบริษัทที่สามารถสร้างงานและสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างยั่งยืน
Die-Sinker & Wire-Cut EDM: นวัตกรรมสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ครบวงจร
เครื่องจักร Die-Sinker และ Wire-Cut EDM ของเรา มีบทบาทสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนสำคัญของ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เช่น เซนเซอร์ กล่องแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนตัวถัง ด้วยคุณสมบัติ ความแม่นยำสูง คุณภาพผิวงานยอดเยี่ยม และความสามารถในการขึ้นรูปชิ้นงานซับซ้อน เครื่องจักรเหล่านี้ยังคงมีความสำคัญไม่แพ้กันสำหรับ รถยนต์ไฮบริดและเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE)
เครื่อง Die-Sinker EDM มอบความเที่ยงตรงและเสถียรภาพสูง เหมาะสำหรับการผลิตแม่พิมพ์และชิ้นงานที่ซับซ้อน ขณะที่ เครื่อง Wire-Cut EDM ให้ความแม่นยำในการตัดระดับไมครอน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับชิ้นส่วนขนาดเล็ก เช่น ขั้วต่อไฟฟ้าและไมโครเซนเซอร์
นอกจากนี้ เครื่องฉีดพลาสติก (Injection Molding Machine) ของเราตอบสนองต่อแนวโน้มการเปลี่ยนจากชิ้นส่วนโลหะเป็นพลาสติก โดยเฉพาะในรถยนต์ ICE ซึ่งช่วยให้ชิ้นงาน น้ำหนักเบา แข็งแรง และคงรูปได้แม่นยำ
เมื่อความต้องการชิ้นส่วนขนาดเล็กและความแม่นยำสูงเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม EV เทคโนโลยีของเราช่วยสนับสนุนการผลิตในทุกส่วน ตั้งแต่ เซนเซอร์ มอเตอร์ ไปจนถึงโครงสร้างตัวรถ พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์สู่ อนาคตที่มีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และนวัตกรรมที่ล้ำสมัยมากขึ้น
สร้างความยั่งยืนด้วยบริการหลังการขายที่มีคุณภาพเหนือระดับ
Sodick การให้บริการหลังการขายและการดูแลลูกค้า เป็นหัวใจสำคัญของปรัชญาการดำเนินธุรกิจ เครื่องจักรที่เกิดความเสียหายหรือหยุดชะงักสามารถสร้างความล่าช้าในการผลิตและต้นทุนที่สูง ดังนั้น การให้บริการที่ เชื่อถือได้ รวดเร็ว และเชิงรุก จึงเป็นสิ่งที่เรายึดถือเป็นมาตรฐานหลัก
เราภูมิใจที่มีทีม วิศวกรฝ่ายบริการผู้ชำนาญการ ที่พร้อมตอบสนองอย่างทันท่วงทีในโรงงานลูกค้า และคอยสนับสนุนคลังอะไหล่ที่เพียงพอเพื่อลดระยะเวลารอคอยให้น้อยที่สุด นอกเหนือจากการซ่อมบำรุงแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับ การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน และ การฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงาน ทั้งที่สถานประกอบการของลูกค้าและศูนย์ฝึกอบรมของเรา เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และยกระดับทักษะของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง
กิจกรรมด้านบริการและการฝึกอบรมเหล่านี้ ไม่เพียงช่วยให้เครื่องจักรคงประสิทธิภาพสูงสุดเท่านั้น แต่ยังสร้าง ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและไว้วางใจได้ระหว่างลูกค้าและทีมวิศวกรของเรา ความเชื่อใจนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรึกษาและติดต่อเราได้อย่างมั่นใจ และทำให้เราสามารถมอบ บริการที่ดีที่สุดและมาตรฐานสูงสุด ตามคำมั่นสัญญาของแบรนด์ Sodick





“Advancing Sustainability” Through Proactive Premium after-sales Support
Mr. Kamihito ( Jin ) Kakegawa
Managing Director of Sumitomo Electric Hardmetal (Thailand) Ltd.

นวัตกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น: ก้าวนำโลกสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยีแห่งความยั่งยืน
ตามที่เป็นที่ทราบกันดี ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (BEV) ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะแบรนด์ BYD ซึ่งมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนถึงอิทธิพลของเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าและแรงจูงใจด้านราคา อย่างไรก็ตาม โครงสร้างตลาดในปัจจุบันยังคงพึ่งพากลุ่มผู้บริโภคระดับบนที่ซื้อเป็นรถคันที่สองเป็นหลัก ทำให้คาดการณ์ได้ว่าหลังจากกระแสความนิยมเริ่มอิ่มตัวแล้ว อัตราการเติบโตอาจชะลอลงในระยะต่อไป แม้รถยนต์ BEV จากจีนจะได้รับการยอมรับด้านความคุ้มค่า การออกแบบสมัยใหม่ และการตกแต่งภายในที่เหนือความคาดหมาย แต่ก็เริ่มมีข้อกังวลด้านบริการหลังการขาย ความพร้อมของอะไหล่ และความทนทานในการใช้งานระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไทย นอกจากนี้ ยังพบประเด็นด้านการปฏิบัติตามเงื่อนไขมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมถึงอัตราการผลิตในประเทศ (local content) และการจัดหาอะไหล่ ที่ยังไม่ครบถ้วนตามข้อกำหนด ส่งผลให้ตลาดยังอยู่ในช่วงปรับสมดุล
ภายใต้บริบทดังกล่าว นโยบายลดภาษีสำหรับรถยนต์ไฮบริด (HEV) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2026 ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจนำไปสู่การฟื้นตัวของค่ายผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีไฮบริดมาอย่างยาวนาน ผู้ผลิตหลายรายได้เริ่มวางแผนและเตรียมพร้อมด้านการผลิตเพื่อรองรับดีมานด์ในอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหลากหลายให้ตลาด พร้อมสร้างสมดุลระหว่างเทคโนโลยีไฟฟ้าบริสุทธิ์และเทคโนโลยีลูกผสมที่เหมาะสมกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
ในโอกาสนี้ บริษัทของเรามีความมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านเทคโนโลยี การผลิต และบริการ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับซัพพลายเชนยานยนต์ไทย ตลอดจนผลักดันอุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืนในเวทีโลก
นวัตกรรมการเคลือบผิวความแม่นยำสูง ยกระดับประสิทธิภาพการตัดเฉือนไทเทเนียมและสเตนเลสอย่างเหนือชั้น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดเครื่องมือตัดเฉือนในประเทศไทยมีความหลากหลายมากขึ้น โดยมีผู้ผลิตจากต่างประเทศเข้ามาเสนอทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต แม้ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะนำมาซึ่งความท้าทาย แต่ก็เป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการยกระดับมาตรฐานด้านเทคโนโลยีและบริการให้ดียิ่งขึ้น บริษัทของเราอยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องมือตัดเฉือนมาอย่างยาวนาน สั่งสมประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีกว่า 100 ปี และพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการที่ซับซ้อนขึ้นในสายการผลิต จุดเด่นสำคัญคือความสม่ำเสมอของคุณภาพผลิตภัณฑ์ การพัฒนาเทคโนโลยีทันสมัย และบริการครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านการประยุกต์ใช้งาน การคัดเลือกเครื่องมือ ไปจนถึงการดูแลหลังการขาย
ในด้านเทคโนโลยีวัสดุและการเคลือบผิว เรามีผลงานวิจัยและพัฒนาที่โดดเด่น เช่น วัสดุเคลือบผิวรุ่น AC9115T / AC9125T ซึ่งได้รับการออกแบบเฉพาะสำหรับงานตัดเฉือนไทเทเนียม โดยใช้ทังสเตนคาร์ไบด์ผสมพิเศษ และได้รับสิทธิบัตรในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ รุ่น AC1135U ซึ่งเป็นวัสดุเคลือบสำหรับงานสเตนเลสชิ้นเล็ก ได้รับความนิยมในตลาดไทย ด้วยคุณสมบัติด้านฟิล์มเคลือบบางเฉพาะทางและการปรับสภาพพื้นผิวที่ช่วยลดการยึดติดของเศษโลหะได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรายังคงให้ความสำคัญกับการติดตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงความต้องการของตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้มีคุณค่าต่อภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เป้าหมายของเราคือการสนับสนุนผู้ผลิตไทยให้สามารถยกระดับประสิทธิภาพกระบวนการตัดเฉือน ลดต้นทุน และสร้างความเชื่อมั่นระยะยาวผ่านโซลูชันที่มีเสถียรภาพและการบริการที่ไว้วางใจได้ ด้วยแนวทางดังกล่าว บริษัทของเรามุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในอุตสาหกรรมการผลิต พร้อมเดินหน้าเคียงข้างลูกค้าในการพัฒนาคุณภาพ กระบวนการ และความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
ขับเคลื่อนศักยภาพการผลิตไทย ด้วยศูนย์เทคนิคมาตรฐานสากลและโซลูชันเครื่องมือตัดครบวงจร
จุดแข็งสำคัญของเราคือการมีโรงงานผลิตเครื่องมือตัดสำหรับรองรับตลาดประเทศไทยโดยตรง โดยมุ่งเน้นการผลิตดอกสว่าน อินเสิร์ทคาร์ไบด์ อินเสิร์ท CBN/PCD และมีดกลึงขนาดเล็กพิเศษ ซึ่งสามารถปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการเฉพาะของลูกค้าได้อย่างยืดหยุ่น การมีฐานการผลิตภายในประเทศช่วยให้เราสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สนับสนุนการผลิตของลูกค้าให้มีความต่อเนื่อง ลดระยะเวลาในการจัดหา และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย นอกจากนี้ เรายังให้บริการลับคมและเคลือบผิวใหม่ รองรับงานเคลือบผิวหลากหลายประเภท รวมถึง DLC coating เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องมือตัด ลดต้นทุนต่อชิ้นงาน และเพิ่มความคุ้มค่าการลงทุนในระยะยาว บริการดังกล่าวได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์งานตัดเฉือนที่หลากหลาย และช่วยรักษาประสิทธิภาพของเครื่องมือให้พร้อมใช้ในทุกสภาวะการใช้งาน
ภายในโรงงานยังจัดตั้งศูนย์เทคนิค (Technical Center) ซึ่งติดตั้งเครื่องจักร Machining Center และเครื่องกลึงอัตโนมัติแบบมัลติฟังก์ชัน สำหรับทดสอบการตัดชิ้นงานจริง รวมถึงใช้เป็นพื้นที่สำหรับการอบรมเชิงเทคนิคเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือตัดอย่างสม่ำเสมอ โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด กิจกรรมเหล่านี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า เนื่องจากช่วยเพิ่มทักษะด้านกระบวนการผลิต และเสริมสร้างความเข้าใจในการเลือกใช้เครื่องมืออย่างเหมาะสมตามลักษณะของชิ้นงาน
นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เรายังมุ่งเน้นการให้บริการด้านเครื่องมือตัด (Tooling Support) เพื่อช่วยลดเวลาในกระบวนการผลิต (Cycle Time) ตลอดจนรองรับโครงการใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยประสบการณ์อันหลากหลายที่สั่งสมจากการดำเนินงานในญี่ปุ่นและตลาดทั่วโลก เรามุ่งมั่นในการนำเสนอแนวทางการเลือกเครื่องมือและกระบวนการตัดเฉือนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกค้าแต่ละราย เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว พร้อมเดินเคียงข้างลูกค้าในการยกระดับมาตรฐานการผลิตของอุตสาหกรรมไทยสู่ระดับสากล






Article by: MEGATech & Factory Max Co., Ltd. , ONI Intertrade Co., Ltd. , OTA Engineering Co., Ltd. , Prolific Heating International Co., Ltd. , Tech NC Co., Ltd. , YMC Machinery Co., Ltd. << Click Here