ในการแข่งขัน มิตซูบิชิ MECA Thailand 2025 นักศึกษาจาก KMITL ได้พัฒนาโซลูชันลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมไทย จาก มิตซูบิชิ MECA Thailand 2025 ด้วย แนวทางวิศวกรรมลดคาร์บอนเพื่อความยั่งยืนในงาน มิตซูบิชิ MECA Thailand 2025 โซลูชันนี้ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการผลิตที่เป็นมิตรกับโลก
ทีมนักศึกษาระดับปริญญาตรีจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) ได้ก้าวสู่เส้นทางอาชีพในฝัน ด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศอันทรงเกียรติจากการแข่งขัน MECA Thailand 2025 จากโครงการที่พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มคุณภาพและลดของเสียในกระบวนการผลิตสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) ด้วย AI และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม
แนวคิดของการแข่งขัน MECA Thailand 2025
การแข่งขัน MECA Thailand 2025 ภายใต้แนวคิด “การแก้ไขปัญหาการลดการปล่อยคาร์บอนในระบบอุตสาหกรรมไทย ด้วยความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมอย่างยั่งยืน” มีเป้าหมายที่จะสร้างเวทีให้นักศึกษาสามารถแปลงความคิดสร้างสรรค์และแนวคิดนวัตกรรมให้เป็นโซลูชั่นที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ การแข่งขันยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมทุกคนได้พัฒนาทักษะและได้สัมผัสกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ
- GENESIS64 (SCADA Dashboard)
- MELSOFT 3D Gemini (Digital twin)
- MELSOFT MaiLab (เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI)
- SoftGOT2000 (ซอฟต์แวร์ควบคุม HMI)
- GT Designer3 (ซอฟต์แวร์ออกแบบหน้าจอ HMI)
- GX Works3 (ซอฟต์แวร์เขียนโปรแกรม PLC) เพื่อหาโครงการที่ชนะเลิศและรองอันดับต่างๆ โดยใช้เกณฑ์การตัดสินได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม การนำเสนอผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความเป็นไปได้ทางเทคนิคและทางธุรกิจ
นอกจากการแข่งขัน MECA Thailand 2025 แล้ว ภายในงานยังมีการจัดงาน “Technology Hackathon 2025” มินิเวิร์กช็อปขนาดเล็กสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย และการแข่งขัน “Greenbot Application Concept” สำหรับนักเรียนอาชีวศึกษา นอกจากนี้ภายในงานยังมีการสัมมนาในหัวข้อที่น่าสนใจโดยวิทยากรจากสมาคมอุตสาหกรรมต่างๆ












ผลการแข่งขัน MECA Thailand 2025
กลุ่มนักศึกษาจำนวน 3 คน ที่กำลังศึกษาชั้นปีที่ 2 และ 3 จากวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยด้านวิศวกรรมศาสตร์ทั่วประเทศ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขัน MECA Thailand 2025 เพื่อชิงรางวัลเกียรติยศและถ้วยรางวัลพระราชทาน โดย 4 จาก 15 ทีมได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของการแข่งขันนำเสนอผลงาน ซึ่งจัดขึ้นภายใต้งาน Automating The World Day 2025 ในวันที่ 9 และ 10 ตุลาคม 2568 ณ มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี ซึ่งทีมชนะเลิศประจำปีนี้ ได้แก่ “ทีมฉลองกรุง” จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง – สจล. (KMITL) โดยผู้ชนะจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท และได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน MECA Global Japan 2026
ทีมที่ได้รับรางวัลอื่น ๆ ได้แก่
- Autogen (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก บางพระ) – รองชนะเลิศอันดับ 1
- Greenovator (มหาวิทยาลัยมหาสารคาม) – ทรองชนะเลิศอันดับ 2
- Greendynamic Trio (สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง) – รองชนะเลิศอันดับ 3
- FAlogic จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ – รางวัล Popular Vote
นอกจากรางวัลและประสบการณ์ภาคปฏิบัติ นักศึกษาที่เข้ารอบยังได้รับโอกาสฝึกงานกับมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ก่อนสำเร็จการศึกษาอีกด้วย ช่วยเปิดประตูสู่เส้นทางอาชีพด้านวิศวกรรมอัตโนมัติในอนาคต
เปิดใจทีมผู้ชนะเลิศจาก KMITL
ทีมชนะเลิศ ฉลองกรุง ประกอบด้วยนักศึกษา สจล. 3 คน ได้แก่ อภิสิทธ์ ละครเขต, วีรสิทธิ สุรินทร์อาภรณ์ และ พนธกร วงษ์วัฒน์ พวกเขาได้นำเสนอโครงการพัฒนาแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการผลิตสารลดแรงตึงผิว โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มอัตราการยอมรับด้านคุณภาพ พร้อมกับช่วยให้ผู้ผลิตลดของเสียจากวัตถุดิบและต้นทุนด้านพลังงาน ซึ่งทีมได้ออกแบบโซลูชันนี้โดยใช้เครื่องมือ SCADA, HMI GOT2000 และ MELSOFT MaiLab ของมิตซูบิชิ เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลจากกระบวนการผลิต
ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงที่สำคัญในหลายด้าน ประการแรก พนักงานไม่จำเป็นต้องส่งตัวอย่างวัตถุดิบไปทดสอบที่ห้องปฏิบัติการ ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตได้มากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ประการที่สอง ผู้ผลิตสามารถลดเวลาในการตั้งค่าพารามิเตอร์ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ภาระงานต่างๆ เช่น การควบคุมพารามิเตอร์และการรวบรวมข้อมูล จะทำด้วยคน (manual) แต่ด้วยเครื่องมือ MELSOFT MaiLab ของมิตซูบิชิ ภาระงานหลักๆที่เกี่ยวกับการควบคุมสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิตสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันที ประโยชน์ประการที่สามของโครงการนี้คือสามารถลดอัตราการเกิดผลิตภัณฑ์เสียและผลิตภัณฑ์ที่ถูกรีเจ็กต์และต้องนำไปซ่อมหรือแก้ไข ซึ่งช่วยลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ 2.61 เปอร์เซ็นต์ ทีมชนะเลิศสรุปประเมิน Life Cycle Assessment ว่าโครงการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 17.70 เปอร์เซ็นต์
คำขอบคุณจากทีมผู้ชนะสำหรับการสนับสนุนจากมิตซูบิชิ อีเล็คทริค
ทีมฉลองกรุง ได้ขอบคุณบริษัทมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ที่จัดกิจกรรมเพื่อให้นักศึกษาได้แสดงศักยภาพของตนเอง ซึ่งวีรสิทธิ สุรินทร์อาภรณ์ ได้กล่าวหลังทีมคว้ารางวัลชนะเลิศว่า “การแข่งขันครั้งนี้ทำให้เราตระหนักถึงผลกระทบระยะยาวของภาวะโลกร้อนและการปล่อยก๊าซคาร์บอนในกระบวนการผลิต” ขณะที่พนธกร วงษ์วัฒน์ สมาชิกอีกคนของทีมเปิดเผยว่า การได้เข้าร่วมสัมมนาและกิจกรรมภาคปฏิบัติที่จัดโดย MELFT ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับเขา นอกจากการเรียนรู้ด้านเทคนิค เช่น การสร้างแดชบอร์ดหรือการใช้งานซอฟต์แวร์ SCADA แล้ว ยังมีการพัฒนาทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์และบุคลิกภาพอีกด้วย ซึ่งทักษะทั้งหมดนี้เมื่อนำมารวมกันทำให้การนำเสนอของทีมโดดเด่นยิ่งขึ้น
ไทยให้ความสำคัญกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง
ไทยเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำทางด้านอุตสาหกรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นเดียวกับประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ ไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมากมาย ตั้งแต่มลภาวะไปจนถึงภัยพิบัติระดับชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพฯ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (NEB) ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านนโยบาย โครงการ และกฎระเบียบระดับชาติ รวมถึงการจัดทำพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ และการดำเนินโครงการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (DCCE) ได้ออกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความพยายามในการปฏิบัติตามพันธกรณีของประเทศไทยภายใต้ข้อตกลงปารีส โดยมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลง 30% ถึง 40% ในปี 2573 มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2568
มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มุ่งมั่นพัฒนาอุตสาหกรรมไทยสู่ระบบอัตโนมัติ
“ที่มิตซูบิชิ อีเล็คทริค เราเชื่อว่าอุตสาหกรรมคือรากฐานของการสร้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เป้าหมายของเราคือการสร้าง “เวทีระดับชาติ” เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงศักยภาพทางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี เรามุ่งมั่นที่จะเชื่อมโยงสามภาคส่วนหลัก ได้แก่ ภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ” คุณเฉลิมชัย ชมภูพื้น ผู้จัดการฝ่าย FA Specific Industrial บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายวัตถุประสงค์ของการจัดงานนี้
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านระบบอัตโนมัติ คุณเฉลิมชัย ชมภูพื้น ยังเปิดเผยว่า บริษัทมิตซูบิชิ อีเล็คทริค กำลังผลักดันเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติเพื่อช่วยให้โรงงานลดต้นทุน ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปพร้อมๆ กัน สำหรับผู้ประกอบการไทย นั่นหมายความว่าเมื่อพวกเขาสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พวกเขาสามารถแข่งขันในระดับโลก ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง
“สิ่งที่ผมเห็นคือการแข่งขันนี้ได้กลายเป็นเวทีการเรียนรู้ร่วมกันสำหรับนักเรียนนักศึกษา อาจารย์ และภาคเอกชน ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มตระหนักว่าโครงการเช่นนี้ แม้จะใช้เงินลงทุนเพียงเล็กน้อย ก็สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อทั้งองค์กรและสังคมได้ นอกจากจะได้สัมผัสกับแนวคิดและวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ แล้ว พวกเขายังได้พบกับคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและมีศักยภาพที่จะเป็นกำลังสำคัญให้กับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งถือเป็น win-win situation อย่างแท้จริง” คุณเฉลิมชัย ชมภูพื้น กล่าว
คุณพิฑูรย์ วัฒกภาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรโบคลาวด์ จำกัด และสมาชิกคณะกรรมการ MECA Thailand 2025 ได้อธิบายถึงการดำเนินงานขององค์กรเกี่ยวกับการลดคาร์บอนว่า “เราทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ติดตั้งระบบและผู้ผลิตเครื่องจักร โดยช่วยเหลือองค์กรอุตสาหกรรมในการออกแบบระบบอัตโนมัติเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ด้วยการให้คำปรึกษาและฝึกอบรมเพื่อให้โรงงานต่างๆ ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณพิฑูรย์ วัฒกภาสน์ ยังได้กล่าวถึง MECA Thailand 2025 ว่า “การแข่งขันครั้งนี้เป็นมากกว่าการประกวด แต่คือ ‘การวางรากฐานสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมไทย‘” ด้วยการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ซึ่งได้ต่อยอดโครงการนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว โดยส่งเสริมความเข้าใจอย่างเป็นรูปธรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติและแนวคิดการลดคาร์บอนในหมู่คนรุ่นใหม่ ผู้เข้าร่วมไม่เพียงแต่ได้รับประสบการณ์อันทรงคุณค่าเท่านั้น แต่ยังเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติ กิจกรรมนี้เปรียบเสมือนการ “หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความรู้” ที่จะเติบโตเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศชาติในอนาคตอย่างแท้จริง
อนาคตที่สดใสสำหรับคนรุ่นใหม่
เมื่อสอบถามทีมผู้ชนะเลิศเกี่ยวกับเป้าหมายและอนาคตของพวกเขา รวมถึงสิ่งที่พวกเขาหวังจะบรรลุในอีก 10 ปีข้างหน้า
“หลังจากเรียนจบ ผมวางแผนที่จะก่อตั้งบริษัทของตัวเองทำเกี่ยวกับการศึกษา หรืออาจเป็นอาจารย์สอน ก่อนหน้านั้น ผมอาจจะหางานในโรงงานในฐานะวิศวกรเพื่อเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์ ในอีก 10 ปีข้างหน้า ผมคาดหวังว่าจะสามารถทำตามความฝันของตัวเองได้ แม้ว่าจะต้องใช้ความพยายามและเวลาอย่างมาก” วีรสิทธิ์ สุรินทร์อาภรณ์ กล่าว
พนธกร วงษ์วัฒน์ กล่าวถึงอนาคตของเขาว่า “ผมอยากเห็นตัวเองทำงานด้านเครื่องมือวัด เพราะผมชอบการติดตั้งและตรวจสอบอุปกรณ์มาก ในอีก 10 ปีข้างหน้า ผมมองว่าความสำเร็จไม่ได้หมายถึงการทำงานที่รับผิดชอบให้สำเร็จเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการมีความสุขกับงานนั้น พร้อมกับการสร้างคุณค่าให้กับองค์กรและครอบครัวของผมด้วย”
อภิสิทธ์ ละครเขตได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ว่า “หลังจากสำเร็จการศึกษา ผมอยากลองสิ่งใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตนเองและพัฒนาทักษะ โดยการทำงานร่วมกับผู้คนใหม่ๆ และเปิดรับมุมมองใหม่ๆ ในอีก 10 ปีข้างหน้า ผมตั้งใจที่จะนำประสบการณ์ทั้งหมดนี้ไปใช้ประกอบอาชีพวิศวกรในบริษัทเอกชน หรืออาจจะเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง ที่จะทำให้ผมได้ทำตามความฝันและสร้างคุณค่าอย่างเต็มที่ โดยยึดมั่นในแนวทางการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
สร้างอิมแพคและทัศนคติเชิงบวกต่อภาวะโลกร้อน
การแข่งขัน MECA Thailand 2025 ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยช่วยส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงความสำคัญและมีทัศนคติเชิงบวกต่อความท้าทายทางนิเวศวิทยาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและอนาคตของพวกเราทุกคน มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มที่น่าสนใจสำหรับเป็นเวทีสำหรับนักศึกษาในการเรียนรู้ ฝึกฝน และแสดงให้เห็นว่าความรู้และทักษะของพวกเขาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานจริงได้ สิ่งนี้สร้างแรงบันดาลใจให้กับทั้งนักศึกษาและอาจารย์ นำไปสู่การพัฒนาความรู้ที่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมในโลกแห่งความเป็นจริงในระยะยาว
Article by: MEGA Tech & Mitsubishi Electric Factory Automation (Thailand) Co., Ltd. << Click Here