AI กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต แต่ AI จะช่วยอุตสาหกรรมแปรรูปโลหะแผ่นให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและเพิ่มผลกำไรได้อย่างไร? MEGATech ศึกษาการประยุกต์ใช้ AI ในโลกแห่งความเป็นจริง และสำรวจว่าผู้นำตลาดใช้เครื่องมือนี้อย่างไรเพื่อให้สร้างความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง
อัลกอริธึม AI
อัลกอริทึมประกอบด้วยวิธีการคำนวณและตรรกะที่หลากหลาย ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้เครื่องจักรสามารถทำงานเช่นเดียวกับการใช้สติปัญญาของมนุษย์ อัลกอริทึม AI เช่น แมชชีนเลิร์นนิง (ML) และดีฟเลิร์นนิง (DL) ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและแปรรูปโลหะแผ่น โดยการประยุกต์ใช้กับข้อมูลในอดีตและข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ
AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมหาศาลจากเซ็นเซอร์ อุปกรณ์และเครื่องจักร และสายการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงคุณภาพ และลดเวลาหยุดทำงาน ด้วยการใช้อัลกอริทึมเพื่อระบุรูปแบบของข้อมูล ทำให้ AI สามารถคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพื่อการแก้ไขอย่างทันท่วงที หรือแม้แต่ปรับกระบวนการได้เองโดยอัตโนมัติแบบเรียลไทม์
การควบคุมเครื่องจักร
หนึ่งในการประยุกต์ใช้ AI ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในภาคการผลิตคือการควบคุมสภาพการทำงานเครื่องจักร การผสานรวมเซ็นเซอร์ออปติคัลและระบบกล้องช่วยให้สามารถตรวจสอบสภาพการทำงานได้แบบเรียลไทม์ตลอดเวลา แทนที่การตรวจสอบโดยมนุษย์ เซ็นเซอร์ออปติคัลสามารถวัดความเข้มของแสงในระหว่างกระบวนการตัดด้วยเลเซอร์ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสภาพการตัดยังคงเหมาะสมและแก้ไขปัญหาได้ทันทีหากหัวตัดเลเซอร์เกิดการเอียงหรือเกิดการอุดตัน ระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะสามารถตรวจพบการเปลี่ยนแปลงนี้และหยุดเครื่องโดยอัตโนมัติเพื่อตรวจสอบยืนยันและแก้ไขปัญหา โดยไม่ต้องให้ผู้ปฏิบัติงานเข้ามาแทรกแซง
ในทำนองเดียวกัน ML ได้ปฏิวัติกระบวนการปรับแต่งพารามิเตอร์วัสดุ ซึ่งในการตั้งค่าแบบเดิม ผู้ปฏิบัติงานจะต้องปรับพารามิเตอร์การตัดด้วยตนเองเมื่อทำงานกับวัสดุที่ไม่คุ้นเคย เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Bystronic ได้พัฒนา “Parameter Wizards” ที่ขับเคลื่อนด้วย ML ออกแบบมาเพื่อทำให้กระบวนการนี้เป็นระบบอัตโนมัติ โดยค้นหาการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับวัสดุใหม่ได้อย่างรวดเร็วโดยอิงจากการตัดตัวอย่าง นอกจากนี้ ระบบยังปรับปรุงสภาพการตัดให้เหมาะสมด้วยการประเมินผลลัพธ์ผ่านกระบวนการวนซ้ำ ส่งผลให้สามารถลดดาวน์ไทม์ และรับประกันการตัดที่มีคุณภาพสูงโดยอาศัยข้อมูลจากมนุษย์น้อยที่สุด

การควบคุมคุณภาพ
การควบคุมคุณภาพโดยทั่วไปต้องอาศัยทักษะของมนุษย์ ระบบวิชันและการวิเคราะห์ข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมคุณภาพด้วยการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ด้วยความเร็วสูงแบบอัตโนมัติ สามารถตรวจจับข้อบกพร่อง สร้างความสม่ำเสมอ ลดข้อผิดพลาดและลดต้นทุนจากมนุษย์ ระบบเหล่านี้จะวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อระบุรูปแบบที่ซับซ้อนและคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ช่วยให้สามารถควบคุมทั้งผลิตภัณฑ์และกระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบตรวจสอบที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้สามารถตรวจสอบในสายการผลิตทำได้อย่างต่อเนื่อง การวิเคราะห์ภาพที่บันทึกด้วยกล้องความละเอียดสูงเพื่อระบุความผิดปกติของพื้นผิว รอยแตก และจุดบกพร่องอื่นๆ ที่ผู้ตรวจสอบที่เป็นมนุษย์อาจมองข้าม ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลได้ทันที ช่วยให้สามารถตรวจจับและแก้ไขข้อบกพร่องได้ทันทีที่เกิดขึ้น ป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์ที่มีข้อบกพร่องหลุดรอดจากผู้ผลิตไปยังลูกค้า และลดการเรียกคืนสินค้าที่มีค่าใช้จ่ายสูงและความไม่พึงพอใจของลูกค้า นอกจากนี้ระบบตรวจสอบคุณภาพที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังไม่เกิดความเหนื่อยล้าหรือความลำเอียง ทำให้การตรวจจับข้อบกพร่องแม่นยำและสม่ำเสมอมากขึ้น

TRUMPF ผู้นำด้านเทคโนโลยีเลเซอร์ ได้พัฒนาโซลูชัน AI ที่ตรวจสอบคุณภาพของส่วนประกอบต่างๆ ทันทีหลังจากการเชื่อมด้วยเลเซอร์ เช่น แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า สามารถระบุข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นและสามารถซ่อมแซมในสถานีเชื่อมเลเซอร์ได้เลย “สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้ลดต้นทุนการผลิตได้ เพราะโซลูชัน AI สามารถทดแทนการตรวจสอบคุณภาพแบบอื่นๆ ที่ใช้เวลานานได้” Martin Stambke ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ TRUMPF ที่รับผิดชอบด้านการตรวจสอบคุณภาพด้วย AI กล่าว
การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ระบบตรวจสอบที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังสามารถประมวลผลข้อมูลปริมาณมากเพื่อระบุแนวโน้มและรูปแบบต่างๆ ภายในกระบวนการผลิต ซึ่งช่วยให้สามารถบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ได้ ช่วยคาดการณ์ความเสียหายของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆภายในเครื่องจักร หรือความเบี่ยงเบนของกระบวนการที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะนำไปสู่ปัญหาของเครื่องจักร การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI นำเสนอข้อดีมากมายที่ปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมต่างๆ
ประการแรก ช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษาได้อย่างมากด้วยการใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อจัดการกับความเสียหายของอุปกรณ์ที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดขึ้น ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และระบบตรวจสอบ อัลกอริทึม AI สามารถตรวจจับสัญญาณเตือนล่วงหน้าของความผิดปกติได้ วิธีนี้ช่วยให้สามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงทีเพื่อป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์ ลดระยะเวลาการหยุดทำงาน และการซ่อมแซมฉุกเฉินที่มีค่าใช้จ่ายสูง
ระบบบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังสามารถคาดการณ์ความเสียหายของส่วนประกอบต่างๆ ได้ ตัวอย่างเช่น ในกองรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ ระบบบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบเบรก เพื่อตรวจจับสัญญาณเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับความความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เช่น อุณหภูมิที่ผิดปกติ การสั่นสะเทือน หรือการรั่วไหลของน้ำมันเบรก นอกจากนี้ ระบบบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังช่วยลดความถี่ในการเปลี่ยนอุปกรณ์ การหยุดทำงานของเครื่องจักร และค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน ด้วยการแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงทีและป้องกันภาระงานที่ไม่จำเป็นต่ออุปกรณ์
การขนถ่ายวัสดุที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
AI เพิ่มประสิทธิภาพการขนถ่ายวัสดุในอุตสาหกรรมโลหะด้วยการใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะเพื่อการขนส่งที่แม่นยำและปลอดภัย การปรับปรุงเส้นทางการขนถ่ายด้วยข้อมูลเพื่อการขนถ่ายวัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ การติดตามสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ผ่านเซ็นเซอร์ IoT และระบบคัดแยกอัจฉริยะที่ช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความเร็วกระบวนการทำงาน AI ยังวิเคราะห์ข้อมูลการผลิตเพื่อระบุจุดด้อยของขบวนการและช่วยคาดการณ์ความต้องการวัสดุในอนาคต ซึ่งนำไปสู่การลดของเสีย เพิ่มผลผลิต และเพิ่มความปลอดภัยของสถานที่ทำงาน
สำหรับการขนส่งวัสดุอัตโนมัติ หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถขนถ่าย คัดแยก และขนส่งวัตถุดิบ ชิ้นงานสำเร็จรูป และชิ้นงานเสียได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ลดการใช้แรงงานคนและลดความเสี่ยงต่อความเสียหายหรือการจัดการที่ผิดพลาด นอกจากนี้ AI ยังสามารถฝึกหุ่นยนต์ให้ทำงานขนถ่ายวัสดุที่อันตรายและต้องทำซ้ำๆ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของพนักงาน ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และปรับปรุงสภาพแวดล้อมสถานที่ทำงาน

ความท้าทายในโลกแห่งความเป็นจริง
AI เป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่อุตสาหกรรมต้องการ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในอุตสาหกรรมแปรรูปโลหะแผ่นยังคงต้องพัฒนาต่อไป แม้ว่าเทคโนโลยี AI จะมีประโยชน์มหาศาล แต่การนำไปใช้งานจริงในโรงงานนั้นซับซ้อนและยังต้องใช้เวลา ข้อมูลที่สมบูรณ์ และการปรับปรุงอย่างละเอียด ที่สำคัญที่สุดคือ AI ต้องการข้อมูลที่แม่นยำ ดังคำกล่าวที่ว่า “Garbage In, Garbage Out (GIGO)” หากข้อมูลมีข้อบกพร่อง คำแนะนำที่ได้จาก AI ย่อมมีข้อบกพร่องเช่นกัน
AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ในโรงงานหรือไม่? ไม่ต้องกังวล ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า AI จะไม่เข้ามาแทนที่งานของมนุษย์ แต่จะช่วยสร้างงานใหม่เพิ่มขึ้น เพราะเราเชื่อว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่มนุษย์ยังคงความยั่งยืน
Article by: MEGA Tech