บทบาทของธุรกรรมออนไลน์ การขนส่ง ในประเทศไทย กับประเทศอื่นๆในเอเชีย

คาดว่ามูลค่าการขายอีคอมเมิร์ซทั่วโลกจะเกิน 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรกภายสิ้นปีนี้ คิดเป็น 1 ใน 5 ของยอดขายปลีกโดยรวม ยอดขาดในตลาดเกิดใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วจะกลับมาสู่จุดสูงสุดแซงหน้าตลาดที่มีความมั่นคงสูง เช่นใน แคนาดา สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ และรัสเซีย และภายในปี 2025 คาดว่าตัวเลขมูลค่าการขายฯ ดังกล่าวนี้จะสูงเกิน 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

แม้ว่าการเติบโตของยอดขายอีคอมเมิร์ซจะชะลอตัวลงอย่างมาก แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 12.2% ในปี 2022 แม้ตัวเลขจะต่ำกว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมาเล็กน้อย แต่การเพิ่มขึ้นถึง 12.22% ดังกล่าวนี้หมายความว่าจะมีการใช้จ่ายออนไลน์มากกว่า 603.68 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 มากกว่าในปี 2021 เป็นการเพิ่มขึ้นที่สำคัญที่สุดเป็นประวัติการณ์ ตลาดอีคอมเมิร์ซท้องถิ่นในประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่จะฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

นักช็อปออนไลน์เข้าถึงสินค้าทั้งหมดได้ง่าย รวดเร็ว และเท่าเทียมกัน และมีอิสระในการเรียกดูระหว่างแพลตฟอร์ม ผลิตภัณฑ์ ราคา การชำระเงิน และตัวเลือกการจัดส่งที่หลากหลายได้อย่างราบรื่น เอเชียผลิตมากกว่า 50% ของยอดขายอีคอมเมิร์ซทั่วโลกด้วยตลาดที่พัฒนาแล้ว เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ในฐานะผู้บุกเบิกตลาดอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศจีนมีสัดส่วนเกือบหนึ่งในสี่ของยอดขายปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมดในปี 2564 โดยคนรุ่นใหม่มีส่วนร่วม อย่างไรก็ตาม มี “ยุคอีคอมเมิร์ซสีเทา” เกิดขึ้นทั่วเอเชียด้วยอัตราการยอมรับทางออนไลน์ที่สูง โดยมีผู้ซื้อออนไลน์ที่มีอายุมากกว่า 60% ในอินโดนีเซียและ 64% ในประเทศไทยในปี 2564 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2562

ความนิยมช้อปปิ้งออนไลน์ที่ทะยานสูงขึ้นทำให้ตัวเลือกการจัดส่งไมล์สุดท้ายมีความสำคัญไปด้วย ลูกค้าต้องการการจัดส่งที่รวดเร็วขึ้นด้วยราคาที่ถูกลง ลูกค้าจำนวนมากพร้อมยินดีจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อให้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาวะระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ลูกค้ามีความคาดหวังต่อการขนส่งที่สูงขึ้น การจัดส่งแบบเดิมประกอบด้วยการจัดส่งสำหรับศูนย์กระจายสินค้าที่มีการวางกลยุทธ์ไว้จำนวนหนึ่งทั่วประเทศ แต่ในยุคที่อีคอมเมิร์ซเป็นที่เฟื่องฟู บริษัทขนส่งจำต้องตอบสนองต่อผู้บริโภคด้วยและพัฒนาการขนส่งให้เป็นแบบการเติมเต็มช่องทางหลากหลายช่องทาง ประการนี้เองที่ต้องมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และพนักงานมากขึ้นเพราะกลยุทธ์การส่งมอบไมล์สุดท้ายเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในการจัดส่งอีคอมเมิร์ซ

ประสบการณ์การช็อปปิ้งออนไลน์จะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อผู้ซื้อได้รับสินค้าที่ต้องการองการเท่านั้น การจัดส่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการช็อปปิ้งออนไลน์ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างมากต่อประสบการณ์โดยรวม นับตั้งแต่วิกฤตโรคระบาดเมื่อสองปีที่แล้ว ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้ซื้อออนไลน์เพิ่มขึ้นประมาณ 70 ล้านคน ตัวเลขดังกล่าวคาดว่าจะสูงถึง 380 ล้านภายในปี 2026 ตามรายงานของ E-COMMERCE BAROMETER 2021 โดย NINJA VAN และ DPD GROUP พบว่า 80% ของผู้ซื้อในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องการให้สินค้าที่ซื้อไปส่งตรงถึงบ้าน ส่วนที่ทำงานเป็นอันดับที่สอง และ ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 50% ทำการซื้อข้ามพรมแดน เช่น การซื้อในจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

สำหรับนักช็อปปิ้งออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ระบบการติดตามพัสดุตามเวลาจริงคือสิ่งที่ต้องการอย่างที่สุด ระบบการติดตามดังกล่าวช่วยให้ผู้ซื้อเข้าถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดส่งพัสดุ รวมถึงสถานะและแม้กระทั่งเวลาจัดส่งโดยประมาณ นอกจากนี้ ผู้ซื้อในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องตัวเลือกการขนส่งที่รับประกันความพึ่งพอใจเป็นจำนวน 56%, ต้องการการรับประกันสินค้าระหว่างขนส่งเป็นจำนวน 51%, ต้องการทางเลือกการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 38%, ต้องใช้บริการเฉพาะกับบริษัทขนส่งที่คุ้นเคยเป็นจำนวน ต้องการทางเลือกการจัดส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 35%, และหลีกเลี่ยงบริษัทขนส่งที่มีการให้บริการไม่น่าประทับใจเป็นจำนวน 35%

นักช้อปออนไลน์ต้องการให้พัสดุจัดส่งไปยังที่อยู่บ้านของตน การติดตามการจัดส่งตามเวลาจริงเป็นหนึ่งในการตั้งค่าการจัดส่งที่สำคัญ ความต้องการซื้อจากเว็บไซต์ต่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต เป็นโอกาสสำหรับผู้ขนส่งสินค้าที่จะเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาค อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาการจัดส่งยังคงมีความสำคัญเพื่อเพิ่มโอกาสนี้ให้สูงสุด

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D. & MEGA Tech