สำรวจตลาด EVS vs. HEVS vs. PHEVS: รถประเภทใดจะมีอิทธิพลเหนืออุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต?

ส่วนแบ่งตลาดยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเติบโตอย่างมาก จาก 28% ในไตรมาสแรกของปี 2023 เป็น 41% ในไตรมาสที่สามของปี 2024 แม้ว่าการเติบโตจะไม่เท่ากันในทุกตลาด ตลาด PHEV ของจีน ซึ่งเพิ่มขึ้นสามเท่าตั้งแต่ต้นปี 2023 เป็นปัจจัยสำคัญ โดยในไตรมาสที่สามของปี 2024 จีนมียอดขายยานยนต์ไฟฟ้ากว่า 3 ล้านคัน คิดเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายทั่วโลก การส่งออก PHEV ของจีนก็เพิ่มขึ้นสองเท่าจากปีก่อนหน้า แต่สหภาพยุโรปมีแผนเก็บภาษีนำเข้าเพื่อรับมือข้อได้เปรียบด้านต้นทุนที่เกิดจากเงินสนับสนุนของรัฐบาลจีน ผู้ผลิตจีนบางรายจึงพิจารณาสร้างโรงงานในยุโรปเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ในยุโรป ยานยนต์ไฟฟ้าคิดเป็น 56% ของการจดทะเบียนรถใหม่ใน 5 ตลาดหลักในไตรมาสที่สามของปี 2024 โดยรถไฮบริดมีสัดส่วน 35% สหราชอาณาจักรนำหน้าในกลุ่มนี้ด้วยส่วนแบ่ง BEV 20% ขณะที่นอร์เวย์ยังคงเป็นผู้นำที่ไม่มีใครเทียบ ด้วยส่วนแบ่ง BEV สูงถึง 95% ตลาดสหรัฐฯ ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนแบ่งยานยนต์ไฟฟ้าเกิน 20% เป็นครั้งแรกในไตรมาสที่สามของปี 2024 หากคุณยังไม่พร้อมเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใช้แบตเตอรี่เต็มรูปแบบ แต่ต้องการลดการปล่อยคาร์บอน HEV หรือ PHEV อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เรามีคำอธิบายเกี่ยวกับความแตกต่างของแต่ละรุ่นให้คุณทราบ

Battery Electric Vehicles

รถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอร์รี่สมบูรณ์แบบ (BEV) ซึ่งเคยเป็นตัวเลือกเฉพาะกลุ่มสำหรับผู้ขับขี่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดสูงสุดใหม่ในทุกปี ตามข้อมูลจาก International Council on Clean Transportation พบว่าในปี 2030 รถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็น 9% ของรถใหม่ในสหรัฐฯ และมากกว่า 10% เมื่อรวมรถไฮบริดปลั๊กอิน (PHEV) บางการวิเคราะห์ได้ทำนายว่าการเติบโตของ EV จะลดลงเมื่อ EV ได้กลายเป็นกระแสหลักของคตลาด แต่ความเป็นจริงพบว่า EV ยังคงได้รับความนิยมและกระตุ้นความสนใจในไฮบริด เทคโนโลยี EV ได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยมีระยะทางเฉลี่ยสูงถึง 270 ไมล์ในปี 2023 ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะแถมเครื่องชาร์จในบ้าน แต่เทสลาได้หยุดให้บริการในปี 2033 เนื่องจากการใช้งานที่ต่ำ เจ้าของบางรายเลือกติดตั้งเครื่องชาร์จระดับ 2 เพื่อให้การชาร์จเร็วขึ้นโดยรับการสนับสนุนทางการเงินผ่านเงินคืนภาษีจากรัฐบาลรัฐ ส่วนจุดบริการเครื่องชาร์จเร็วสาธารณะ (ระดับ 3) ที่เหมาะสำหรับการเดินทางไกล ซึ่งสามารถชาร์จได้ใน 20-60 นาที ซึ่งการติดตั้งสถานีชาร์จได้รับการสนับสนุนจากเงินทุนรัฐบาลเช่นกัน ณ ปัจจุบัน ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดจะใช้พอร์ตชาร์จของเทสลา ทำให้สามารถใช้เครื่องชาร์จซุปเปอร์ชาร์จของเทสล่ากว่า 1,500 แห่งทั่วประเทศ (สหรัฐอเมริกา) อย่างไรก็ตาม การติดตั้งสถานีชาร์จกระจายไปยังจุดต่างๆ ยังคงสำคัญเนื่องจากสถานีชาร์จยังไม่แพร่หลายเท่าสถานีเติมน้ำมัน

Hybrid Electric Vehicles

รถไฮบริดเป็นกลุ่มยานยนต์ประเภทแรกที่เข้าสู่ตลาด EV โดยเริ่มต้นจากการเปิดตัวของ Prius ทั่วโลกในช่วงต้นปี 2000s รถประเภทนี้ได้รวมเครื่องยนต์สันดาปภายในกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยสลับการใช้งานระหว่างทั้งสองเพื่อลดการใช้น้ำมัน ตัวอย่างเช่น เมื่อรถไฮบริดหยุด รถจะทำงานเงียบๆ ด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่แทนที่จะใช้น้ำมัน เครื่องยนต์สันดาปภายในจะทำงานเมื่อเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง การใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ร่วมกับเครื่องยนต์น้ำมันนั้นให้ประโยชน์หลักสองประการ คือ การประหยัดน้ำมันและเพิ่มพลังงาน รถไฮบริดไม่จำเป็นต้องชาร์จผ่านพอร์ตภายนอกเหมือน EV หรือ PHEV แต่จะเติมพลังงานให้แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติจากพลังงานของเครื่องยนต์น้ำมัน ยังใช้ regenerative braking ระบบเติมพลังงานเข้าแบตเตอร์รี่เพื่อเก็บพลังงานที่สูญเสียไปขณะเบรก น้ำมันที่ประหยัดขึ้น พลังงานที่เพิ่มขึ้น และไม่ต้องหาสถานีชาร์จ ทำให้รถไฮบริดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่ารถยนต์น้ำมันปกติเป็นหลักหมื่นหรือแสนต้นๆ แต่เจ้าของรถมักจะได้คืนค่าต่างจากการประหยัดน้ำมันตลอดอายุการใช้งานของรถ

Plug-In Hybrid Electric Vehicles

รถยนต์ไฮบริดปลั๊กอิน (PHEV) ผสมผสานคุณสมบัติของ EV และ HEV โดยสามารถใช้พลังงานจากทั้งน้ำมันและแบตเตอรี่ ความแตกต่างหลักคือ PHEV สามารถชาร์จพลังงานได้ผ่านปลั๊ก ทำให้มีลักษณะคล้ายกับ EV ส่วนใหญ่จะสามารถขับได้เป็นระยะทาง 32 ถึง 60 กิโลเมตรด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ก่อนที่จะสลับไปใช้เครื่องยนต์น้ำมันเมื่อพลังงานจากแบตเตอร์รี่หมด ในบางรุ่น เช่น Jeep Grand Cherokee 4xe สามารถขับด้วยเครื่องยนต์น้ำมันพร้อมกับรักษาพลังงานจากแบตเตอรี่เพื่อใช้ในภายหลัง PHEV สามารถชาร์จที่บ้านหรือที่สถานีชาร์จสาธารณะ ซึ่งให้ประสบการณ์ของ EV พร้อมความมั่นใจจากถังน้ำมันสำหรับการเดินทางไกล PHEV ใช้เวลาในการชาร์จน้อยกว่ารถ EV เต็มรูปแบบ เนื่องจากมีแบตเตอรี่ขนาดเล็กและยังสามารถชาร์จได้ขณะขับขี่ผ่านระบบ regenerative braking ผู้ขับขี่ PHEV หลายคนแทบไม่ต้องใช้เครื่องยนต์น้ำมันเมื่อขับขี่ระยะสั้น ซึ่งทำให้ PHEV มีการปล่อยมลพิษน้อยกว่าไฮบริด แต่ประหยัดน้ำมันอย่างยอดเยี่ยมจากการผสมผสานพลังงานจากน้ำมันและไฟฟ้า แม้ว่า PHEV จะดูเหมือนตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ แต่ราคาที่สูงทำให้มันมีความนิยมต่ำกว่า HEV และ BEV

ในไตรมาสที่สามของปี 2024 ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าของจีนเติบโตขึ้น 33% แม้ว่ายอดขายระบบส่งกำลังโดยรวมจะลดลง 9% โดยได้รับแรงหนุนหลักจากยอดขาย PHEV ที่เพิ่มขึ้น 79% และ BEV ที่เพิ่มขึ้น 15% ส่วนแบ่งตลาดรวมของ BEV/PHEV เกิน 50% โดยมียอดขายมากกว่า 3 ล้านคัน นอกจากนี้ การส่งออก PHEV จากจีนยังเพิ่มขึ้น 110% เมื่อเทียบปีต่อปี ในญี่ปุ่น รถไฮบริดครองตลาดด้วยส่วนแบ่ง 59% ในไตรมาสที่สามของปี 2024 ขณะที่ BEV และ PHEV รวมกันมีเพียง 3% ยอดขายรถไฮบริดเพิ่มขึ้น 11% ในขณะที่ยอดขาย BEV และ PHEV ลดลง 14% และ 35% ตามลำดับ ส่วนในเกาหลีใต้ ยอดขาย BEV เพิ่มขึ้น 18% และไฮบริดเพิ่มขึ้น 36% ในไตรมาสที่สามของปี 2024 โดย BEV และไฮบริดมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 11% และ 29% ตามลำดับ ขณะที่ PHEV ลดลง 15%

ในไตรมาสที่สามของปี 2024 รถยนต์ไฟฟ้าครองตลาดใน 5 ประเทศใหญ่ของยุโรป (ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, สเปน, และสหราชอาณาจักร) ด้วยส่วนแบ่งตลาด 56% โดยไฮบริดมีส่วนแบ่งถึง 35% ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ไฮบริดแบบ mild hybrid เป็นมาตรฐานในหลายรุ่น ยอดขายไฮบริดเติบโต 16% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยฝรั่งเศสและสเปนมีการเติบโตสูงสุดที่ 34% และ 25% ตามลำดับ ในทางตรงกันข้าม ยอดขาย BEV และ PHEV ลดลง 19% และ 8% ตามลำดับ โดยเยอรมนีมีการลดลงของ BEV ถึง 45% เนื่องจากการยกเลิกเงินอุดหนุนเมื่อปลายปี 2023 อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักรและสเปนกลับสวนกระแส โดยยอดขาย BEV เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบปีต่อปี สหราชอาณาจักรมีส่วนแบ่งตลาด BEV สูงสุดในภูมิภาคที่ 20% และส่วนแบ่งตลาด EV รวมสูงถึง 66% แซงหน้าประเทศอื่น ๆ โดยฝรั่งเศสตามมาใกล้เคียงที่ 62% นอร์เวย์มีส่วนแบ่งตลาด BEV สูงสุดในยุโรปที่ 95% ขณะที่สวีเดนเป็นผู้นำใน PHEV ที่ 21% และสวิตเซอร์แลนด์มีส่วนแบ่งไฮบริดสูงสุดที่ 35%

Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor & MEGA Tech Facebook Twitter Pinterest