เทคโนโลยีความจริงเสริม (Augmented Reality: AR) กำลังปฏิวัติรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัทโลจิสติกส์ AR สามารถเปลี่ยนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์จากการติดตามการจัดส่งเป็นการให้ข้อมูลอัปเดตแบบเรียลไทม์ การใช้ประโยชน์จาก AR ทำให้บริษัทโลจิสติกส์เพิ่มประสิทธิภาพและเสริมสร้างประสบการณ์ของลูกค้าได้ โดย AR เป็นเทคโนโลยีที่นำข้อมูลดิจิทัลมาซ้อนทับในมุมมองของผู้ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งแตกต่างจาก Virtual Reality (VR) ที่ทำให้ผู้ใช้งานดื่มด่ำกับสภาพแวดล้อมที่สร้างโดยคอมพิวเตอร์โดยสมบูรณ์ เทคโนโลยี AR สามาถเข้าถึงได้ผ่านอุปกรณ์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ รวมถึงสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กล้อง และอุปกรณ์สวมใส่ สามารถใช้เพื่อสร้างประสบการณ์เชิงโต้ตอบที่ดื่มด่ำซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับวัตถุเสมือนในโลกแห่งความเป็นจริงได้ ตัวอย่างเช่น แอป AR บนสมาร์ทโฟนอาจแสดงเส้นทางการนำทาง ไฮไลต์จุดสนใจในเมือง หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์
AR เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพที่จะปฏิวัติอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ด้วยการผสานโลกดิจิทัลและโลกกายภาพเข้าด้วยกัน AR ช่วยให้การดำเนินงานด้านลอจิสติกส์ได้รับข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ในการดำเนินงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำ ด้วยเทคโนโลยี AR ผู้จัดการและพนักงานจะสวมแว่นตาความเป็นจริงเสริมเพื่อดูแผนผังคลังสินค้าและตรวจสอบว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือการทดลองใดๆ ที่เป็นไปได้หรือไม่ เป็นเครื่องมือชั้นยอดที่สนับสนุนการรับข้อมูลที่มีความครอบคลุม ช่วยการตัดสินใจในงานที่เกี่ยวกับการปรับปรุงสินค้าคงคลัง บริษัทโลจิสติกส์สามารถประหยัดเวลา เงิน และแรงงานได้เป็นกอบเป็นกำในการวางแผนคลังสินค้าใหม่
การหยิบจับสินค้าในคลังโดยอาศัย AR นับว่าเป็นเทคโนโลยีแฮนด์ฟรีที่ช่วยให้สามารถควบคุมคุณภาพด้วยการมองเห็นที่ปราศจากข้อผิดพลาด ระบบ AR ที่มีความสามารถด้านการระลึกรู้ จะช่วยระบุและยืนยันผลิตภัณฑ์ เมื่องานคัดเลือกหยิบจับสินค้าเสร็จสิ้นแล้ว ระบบอัตโนมัติจะทำงานโดยอัปเดตข้อมูลทั้งระบบและบันทึกกิจกรรมที่เกิดขึ้น ไม่นานมานี้ DHL ยักษ์ใหญ่ด้านพัสดุได้ประกาศการขยายโครงการนำร่องความเป็นจริงเสริม “Vision Picking” สำหรับศูนย์กระจายสินค้าทั่วโลก โปรแกรมนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดในการใช้กระจกความเป็นจริงเสริมเพื่อแสดงให้พนักงานของ DHL ทราบว่าควรวางพัสดุที่เลือกไว้บนรถเข็นของบริษัทอย่างไร DHL อ้างว่า Vision Picking จะช่วยให้สามารถเลือกสินค้าแบบแฮนด์ฟรีได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทั้งอัตราข้อผิดพลาดที่ลดลง
DHL Supply Chain เป็นบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำของโลก โดยมีพนักงานประมาณ 185,000 คนในกว่า 50 ประเทศ มีรูปแบบการบริการโลจิสติกส์ที่หลากหล่าย เทคโนโลยีที่ใช้ก่อนหน้านี้มีการแสดงผล User Interface ที่ซับซ้อน ทั้งเมนูและข้อมูลที่หลากหลาย ส่งผลให้กระบวนการและขั้นตอนการประกันคุณภาพใช้เวลาและบุคลากรเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ต้องเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์เพื่อให้พนักงานฝึกอบรมเพื่อที่จะเรียนรู้ระบบที่กล่าวมานี้เพียงเพื่อให้สามารถเริ่มต้นใช้งาน DHL ต้องการระบบใหม่ที่ช่วยให้บริษัทตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว บริหารบรรจุพนักงานได้อย่างยืดหยุ่น และแก้ไขบรรเทาปัญหา เช่น
- ปริมาณการสั่งซื้อในภาคโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นมาก จำเป็นต้องมีการปรับปรุงกระบวนการให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง
- ความซับซ้อนในการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ความต้องการของตลาดที่ผันผวน และการขาดแคลนแรงงาน
- รูปแบบการทำงานเดิม เช่น อุปกรณ์พกพา มีความซับซ้อน และยากต่อการเรียนรู้
DHL นำระบบการหยิบสินค้าด้วยภาพ (xPick) มาใช้งาน พนักงานคลังสินค้าใช้แว่นตาอัจฉริยะที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์การหยิบสินค้าด้วยภาพเพื่อให้เห็นภาพตลอดกระบวนการหยิบสินค้า การเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ ได้รับการผสานรวมเข้ากับระบบการจัดการคลังสินค้าของ DHL ได้อย่างราบรื่น ทำให้เกิดกระบวนการที่เชื่อมต่อกันตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางโดยสมบูรณ์ ผู้ปฏิบัติงานได้รับข้อมูลหมายเลขทางเดิน ชั้นวาง และบรรจุภัณฑ์เพื่อเลือกสินค้าและตำแหน่งที่จะวางได้อย่างถูกต้อง จากนั้นพนักงานจะได้รับการตอบรับด้วยเสียงและภาพทันทีหากเลือกรายการที่ถูกต้อง ระบบยังช่วยให้พนักงานใหม่สามารถเริ่มงานได้อย่างรวดเร็วด้วยข้อมูลที่แสดงด้วยภาพและเข้าใจง่าย พนักงานเลือกภาษาใช้งานได้เอง ส่งผลให้พนักงานใหม่มีประสิทธิผลตั้งแต่เริ่มต้น
ผลจากการปรับใช้ระบบการเลือกคลังสินค้าด้วยเทคโนโลยี AR ทำให้ DHL ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 15% โดยมีอัตราข้อผิดพลาดลดลงเหลือ 0.1% และประหยัดเวลาได้ 50 – 70% ไปกับการเรียนรู้งาน ปัจจุบัน มีผู้ปฏิบัติงานประมาณ 1,500 รายติดตั้งแว่นตาอัจฉริยะเฉพาะในไซต์ของ DHL ในสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียว ดำเนินการตามคำสั่งซื้อที่คลังสินค้าของ DHL ซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรมเทคโนโลยี การค้าปลีก ผู้บริโภค และยานยนต์ ด้วยเทคโนโลยีการเลือกภาพ ผู้เลือกของ DHL สามารถทำงานแบบแฮนด์ฟรีได้ ทำให้งานมีประสิทธิภาพและถูกหลักสรีรศาสตร์มากขึ้น ระบบ AR ดังกล่าวนี้ช่วยลดเวลาที่ใช้ต่อคำสั่งซื้อและข้อผิดพลาดในการหยิบ เนื่องจากผู้ปฏิบัติงานเห็นคำแนะนำที่แสดงต่อหน้าต่อตาพร้อมกับเสียงตอบรับทันที การทำงานแบบแฮนด์ฟรีช่วยเพิ่มผลผลิตของพนักงาน และก่อนหน้านี้ต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ในการฝึกอบรมและพนักงานที่มีประสบการณ์เพื่อให้คำแนะนำแก่พนักงานใหม่ แต่ระบบ AR warehouse picking นี้ช่วยลดเวลาในการเริ่มต้นใช้งานลงเหลือหลายชั่วโมง.
Article by: Asst. Prof. Suwan Juntiwasarakij, Ph.D., Senior Editor & MEGA Tech